*************************************************************************************
มาถึงเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2009 แล้วนะครับ เชื่อว่าหลายคนคงคอยติดตามอัพเดท ข่าวคราว ความเคลื่อนไหวในแวดวงไอทีมาตลอดปี 2009 กันอยู่แล้ว และคงจะตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าแล้วปี 2010 ล่ะ จะมีอะไรใหม่ๆ ล้ำๆเกิดขึ้นบ้าง D+Plus ฉบับนี้ก็ไม่รอช้า ผมจะขอมาบอกเล่าเก้าสิบถึงเทรนด์ที่จะมาในปี 2010 กันซะหน่อย แต่ถ้าพูดกันตรงๆแล้วเทคโนโลยีที่จะพูดถึงนี้ ในต่างประเทศอย่าง อเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่น ก็พอจะมีให้เห็นกันบ้างแล้ว เหลือแต่รอลุ้นกันเอาเองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาถึงบ้านเราในช่วงไหนของปี 2010!!!
Android โอเอสแนวใหม่ สำหรับตลาดแบบโมบาย
แรกๆดูเหมือนว่าแอนดรอยด์ หรือโอเอสที่พัฒนาขึ้นมาโดยกูเกิ้ลจะถูกนำมาใช้กับมือถือเท่านั้น แต่หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน กลับกลายเป็นว่าแอนดรอยด์ถูกนำไปใช้งานกันแพร่หลายมากขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นแค่โอเอสสำหรับมือถือที่ออกมาแข่งขันกับวินโดวส์โมบายเท่านั้น ยังนิยมนำไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น eBook หรือคอมพิวเตอร์พกพารุ่นใหม่ๆ เนื่องจากการทำงานที่รวดเร็วกว่า และเสถียรมากกว่า

แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นของใหม่ แต่แอนดรอยด์ก็กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กับวินโดวส์โมบาย โดยเฉพาะหลังจากที่เปิดตัวแอนดรอยด์ 2.0 ขึ้นมา เพราะผู้ผลิตรายต่างๆ เริ่มมีการนำไปใช้งานร่วมกับโทรศัพท์มือถือในค่ายของตัวเอง เช่น HTC ก็มีการนำไปใช้กับมือถือรุ่นใหม่ๆ ตามมาด้วย Motorola ที่ออกรุ่น Droidมาใช้งานโดยเฉพาะ รวมถึงอุปกรณ์ eBook ต่างๆ ก็พากันนำ Android ไปใช้งาน เช่น เน็ตบุ๊คของค่าย Asus และ Acer ที่นำ Android ไปใช้งานแทนวินโดวส์โอเอส หรือว่าลินุกซ์
OLED เทคโนโลยีการแสดงผลแห่งยุคหน้ายุคของการแสดงผลกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราเพิ่งได้สัมผัสกับจอแอลซีดีกันไปไม่นาน ตอนนี้จอภาพแบบใหม่ที่เรียกว่า OLED กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทแทนที่จอแอลซีดีมากขึ้น แน่นอนว่า OLED ไม่ใช่ของใหม่ แต่ก่อนนี้ยังทำได้เพียงแค่ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือเท่านั้น เพราะความละเอียดก็ไม่ได้สูงมาก สำหรับปี 2010 เราจะเห็น OLED มีบทบาทในการใช้งานมากขึ้น เพราะเริ่มมีการพัฒนาให้มีขนาดใหญ่ สามารถใช้แทนที่มอนิเตอร์ หรือว่าโทรทัศน์ได้แล้ว ข้อดีของ OLED ก็คือประหยัดไฟ ให้ความร้อนน้อยกว่า สามารถเปิดได้นานๆ โดยไม่มีความร้อนเกิดขึ้นมากนัก และสามารถผลิตได้ในขนาดที่บางมากๆ ทำให้น้ำหนักเบามากขึ้นด้วย

โดยเทรนด์ที่จะเห็นต่อไปในปีหน้าคือ ผู้ผลิตจอมอนิเตอร์จะส่งจอภาพแบบ OLED ออกมาสู่ตลาด เช่น จอภาพสำหรับคอมพิวเตอร์ ขนาด 15 นิ้ว และจอภาพสำหรับโทรทัศน์ ขนาด 32 นิ้ว 42 นิ้ว และ 60 นิ้ว จะถูกนำมาใช้งานแทนที่แอลซีดีทีวีต่อไป นอกจากนี้อุปกรณ์ใหม่ๆที่ใช้จอภาพก็จะนำ OLED ไปใช้งานด้วย เช่น กรอบภาพดิจิตอล หรือเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพาเป็นต้น

ยุคแห่งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (eBook)
เพื่อนๆ อาจคิดว่า ?ทุกวันนี้ eBook ก็เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว จะเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับปี 2010 ได้ยังไง? แต่ตัว eBook ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้อยู่ในรูปแบบของฮาร์ดแวร์ ใครๆต่างก็สามารถพกพาไปที่ไหนต่อไหนได้ เปิดอ่านได้สะดวกเหมือนกับหนังสือจริงๆ ซึ่งสองสามปีก่อนนี้มีผู้ริเริ่มบุกเบิกวงการอีบุ๊คมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เช่น Kindle ของ Amazon แต่ปี 2010 ที่จะถึงนี้ กำลังจะเป็นปีที่ eBook จะออกมาในรูปแบบของเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ กำลังได้รับสนใจจากผู้ผลิตชื่อดังในวงการคอมพิวเตอร์มากขึ้น และพัฒนาขีดความสามารถให้เหนือกว่าeBook ที่อยู่ในรูปแบบของไฟล์ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถรองรับไฟล์ภาพแบบเคลื่อนไหวได้ การดาวน์โหลดไฟล์มาเปิดอ่าน และรูปแบบของการใช้งานก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เหมือนกับการอ่านหนังสือจริงๆ มากขึ้น ทั้งหน้าจอแบบสัมผัส ที่ทำให้การอ่าน eBook เหมือนได้อ่านหนังสือจริงๆ หรือการจัดแบ่งเอกสารให้เป็นสองหน้า เพื่อให้สามารถเปิดอ่านได้เหมือนกับหนังสือที่เป็นเล่ม และนี่คือตัวอย่างของเทรนด์ eBook ที่เราจะได้เห็นกันในเร็วๆ นี้
1.Spring Design’s Alex อีบุ๊คสองหน้าจอพร้อมรองรับมัลติมีเดีย
Spring Design?s Alex แตกต่างไปจาก eBook ในอดีตอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะใช้สำหรับอ่านหนังสือแบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว eBook ตัวนี้ ยังรองรับการดูไฟล์ eBook แบบวิดีโอ ไฟล์เสียง รวมทั้งไฟล์ภาพได้ ด้วยการออกแบบมาให้มีจอภาพสำหรับแสดงผลสองหน้าจอ สำหรับการแสดงผล E-Ink EPD (Electronic Paper Display) ขนาด 6 นิ้ว และจอแสดงผลแอลซีดีขนาด 3.5 นิ้วที่ทำงานด้วย Google?s Android สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดูวิดีโอ เสียง และรูปภาพ รวมถึงใช้บันทึกโน้ตได้ด้วย รองรับการใช้งานหน่วยความจำแบบ SD Card มีการติดตั้ง Wi-Fi ในตัว และสามารถใช้งานร่วมกับเครือข่าย 3G EVDO/CDMA รวมถึง GSM ได้ ซึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือการจับภาพจากหน้าจอขนาด 3.5 นิ้วไปแสดงผลยัง EPD เพื่อประหยัดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
2.entourage eDGe หนังสือเสมือนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
จุดเด่นของ eBook ตัวนี้คือหน้าจอที่สามารถดูพร้อมกันทั้งสองหน้าได้ เปรียบเหมือนกับหนังสือจริงๆ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 6 ชั่วโมง รองรับ Wi-Fiและ Bluetoothรวมถึงเครือข่าย 3G ด้วยในตัว สามารถใช้อ่าน eBook แบบ pdf ได้ โดยด้านซ้ายมือจะเป็นหน้าจอ ePaper ขนาด 9.7 นิ้ว ส่วนทางขวามือเป็นหน้าจอแอลซีดี 10.1 นิ้ว ทำงานด้วย Android รองรับการทำงานแบบทัชสกรีน สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต ดูภาพวิดีโอ ภาพถ่าย ฟังเพลง หรือเสียงออดิโอต่างๆ ได้

นี่เป็นตัวอย่างสำหรับ eBook ใหม่ที่กำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้นในปี 2010 แน่นอน จากการผสานการทำงานระหว่าง ePaper ร่วมกับโอเอส Android ของ Google ทำให้ eBook ทำได้มากกว่าแค่เอาไว้อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพียงอย่างเดียว
USB 3.0 เทคโนโลยีแห่งการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง ทุกวันนี้ไฟล์ข้อมูลชักจะเริ่มใหญ่ขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ก็เข้าสู่สื่อการเก็บข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น มีความละเอียดมากขึ้น ความต้องการในการถ่ายโอนไฟล์ก็มีสูงขึ้นตามไปด้วย อุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้มาตรฐานของ USB 2.0 เริ่มที่จะมีความเร็วในการเชื่อมต่อถ่ายโอนไฟล์ไม่เพียงพอ เทคโนโลยี USB 3.0 จึงต้องถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม ซึ่งความเร็วที่ระบุไว้ในตอนนี้คือ มีความเร็วเป็น 10 เท่าของ USB 2.0

USB 3.0 ยังออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่เป็น USB 2.0 ได้ แต่ให้ความเร็วสูงกว่าเป็น 10 เท่าคือสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้ที่ 4.7 กิกะบิตต่อวินาที โดยเหมาะสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประเภทเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งแบบพกพา หรือฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังรวมถึงกล้องวิดีโอต่างๆ และกล้องถ่ายภาพดิจิตอลด้วย

Hi-Fi แบบไร้สาย ผ่านเครือข่ายความบันเทิงครบวงจร
ใครที่เป็นเซียนเครื่องเสียง คงจะรู้ดีว่าการเซ็ตอัพเครื่องเสียงขึ้นมาสักชุด เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ทั้งเรื่องการเดินสายจากตัวแอมพลิไฟเออร์ ไปยังลำโพง แล้วเชื่อมโยงเครื่องเล่นต่างๆเข้าด้วยกันนั้นวุ่นวายมาก และหากต้องการต่ออุปกรณ์บางตัวเพิ่มเข้าไปก็ต้องรื้อใหม่ให้วุ่นวายมากขึ้นไปอีก แต่สำหรับปี 2010 นี้ สิ่งที่จะเห็นกันมากขึ้นก็คือระบบเครื่องเสียงแบบไร้สาย ที่ช่วยลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่อลงได้เกือบหมด

ระบบลำโพง ก็ไม่จำเป็นต้องเดินสายอีก ไม่ว่าจะเป็น 5.1 หรือ 7.1 รวมถึงระบบ DTS ที่ต้องเชื่อมโยงเข้าหากัน จึงสะดวกสำหรับการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถวางได้แบบอิสระ หรือจะพ่วงลำโพงชุดที่สองหรือชุดที่สาม เข้ากับชุดเดิมได้อย่างไม่ลำบากอีกด้วย จะวางไว้ต่างห้องก็ได้ ไม่จำเป็นต้องวางไว้ใกล้ๆกัน ซึ่งทีนี้หากอยากจะฟังตรงห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือว่าหิ้วออกไปฟังในสวนหย่อม หรือระเบียงหน้าบ้าน ก็ไม่เป็นปัญหาอีก แน่นอนว่าไม่เฉพาะผู้ผลิตทางไต้หวันเท่านั้น แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องเสียงระดับโลกอย่าง RocketFish ก็พร้อมวางจำหน่ายเครื่องเสียงแบบไร้สาย ให้คอดนตรีระดับหูทองได้รับฟังกันด้วย ต่อไปนี้ก็คงเลิกสะดุดสายสัญญาณหรือหมดปัญหาเรื่องการเก็บสายสัญญาณไม่ให้เกะกะอีกต่อไป
การพรีเซ็นต์งานฉบับกระเป๋า
อยากจะนำเสนองานดีๆ สิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้ก็คือโปรเจ็คเตอร์ดีๆสักตัว เพื่อที่จะนำเสนอผลงานออกมาได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับบรรดานักขายแล้ว หากต้องให้พกพาโปรเจ็กเตอร์ไปด้วยกันทุกๆที่ เวลาจะใช้ก็ต้องหาที่วาง พร้อมกับพื้นที่ว่างๆบนผนัง เพื่อที่จะฉายภาพที่ต้องการให้ลูกค้าได้เห็น เวลาจะเก็บก็ต้องรอให้หายร้อนก่อนถึงจะเก็บลงกระเป๋าได้

แต่ยุคใหม่นี้ สิ่งที่พกพาได้ไม่สะดวกอย่างโปรเจ็คเตอร์ กำลังถูกนำเสนอในขนาดที่เล็กลง แบบว่าสามารถพกใส่กระเป๋าเสื้อไปไหนมาไหนได้แบบไม่เกะกะ ขณะที่สามารถฉายภาพในขนาด 12-150 นิ้วได้อย่างสบายๆ หรือหากเป็นการนำเสนองานส่วนตัว ก็เพียงกางกระเป๋าโน้ตบุ๊คออก แล้วฉายภาพไปยังกระเป๋า เพื่อสร้างภาพขนาดหน้าจอ 20-30 นิ้ว ก็สามารถนำเสนองานได้อย่างสะดวกแล้ว เทรนด์ของปี 2010 นี้ นอกจากสิ่งที่เราจะได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ใส่ลงไปในโปรเจ็คเตอร์ เช่น การทำหน้าที่มัลติมีเดียอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นแล้ว แนวทางของการพัฒนาโปรเจ็คเตอร์แบบจิ๋ว ก็เริ่มได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้น ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมที่จะรองรับกับเครื่องมือแบบพกพาใหม่ๆ อย่าง iPhone, Blackberry หรือว่าอุปกรณ์โมบายอื่นๆ เพื่อช่วยเติมเต็มให้ชีวิตในรูปแบบธุรกิจ เดินหน้าไปได้อย่างสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับผู้ผลิตมือถือบางค่ายก็นำเสนอโปรเจ็คเตอร์ใส่ลงในมือถือด้วยซะเลย เรียกว่าพกพามือถือเครื่องเดียวก็พร้อมนำเสนองานขายได้แบบม้วนเดียวจบ

เป็นไงบ้างครับ สำหรับเทรนด์ในปี 2010 ที่กำลังใกล้จะมาถึงนี้ ดูๆไปแล้วจะเห็นว่ามีหลายๆสิ่งที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น eBook ก็เป็นเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะยักษ์ใหญ่แห่งโลกอิเล็กทรอนิกส์ ต่างก็ก้าวมาสู่ตลาดที่มองว่าเป็นขุมทรัพย์ใหม่ทางสายเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นผู้บุกเบิกอย่าง Amazon, Barnes&Noble หรือแม้กระทั่ง Sony รวมทั้งผู้นำทางด้านคอมพิวเตอร์อย่าง Asus ต่างก็พร้อมจะผลิต eBook ให้ผู้อ่านอย่างเราได้พกพาหนังสือหลายร้อยเล่มไปอ่านในที่ต่างๆได้สะดวก ซึ่งถ้าจะให้ผมฟันธงสำหรับปี 2010 นี้ แน่นอนว่า eBook คือเทรนด์ที่น่าจับตามอง และต่อจากนี้ไปก็คงเห็นคนถือ eBook กันให้เกลื่อน
ที่มา:http://www.dplusmag.com/insight-digital-technology-tech-trend/6-เทรนด์-ไอทีปี-2010.html
*************************************************************************************