วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ระบบสารสนเทศ (Information System)

ระบบสารสนเทศ (Information System) คือ ขบวนการประมาลผลข่าวสารที่มีอยู่ ให้อยู่ในรูปของข่าวสารที่เป็นประโยชน์สูงสุด สารสนเทศจึงเป็นระบบที่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อปฎิบัติการเกี่ยวกับข้อมูลดังต่อไปนี้


1. รวบรวมข้อมูลทั้งภายในและภายนอก ซึ่งจำเป็นต่อหน่วยงาน

2. จัดทำเกี่ยวกับข้อมูลเพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมจะใช้ประโยชน์ได้

3. จัดให้มีระบบเก็บเป็นหมวดหมู่

4. มีการปรับปรุงข้อมูลเสมอ เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ถูกต้องทันสมัยตลอดเวลา



เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Techolgy)


เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Techolgy) คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ประมวลผลและการเผยแพร่สารสนเทศ เพื่อช่วยให้ได้สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์

1. เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ หมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรเกี่ยวกับโทรคมนาคมต่างๆ รวมทั้ง Software สำเร็จรูป

2.กระบวนการในกสนนำอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ข้างต้นมาใช้งาน เพื่อรวบรวม จัดเก็บ ประมวล แสดงผลลัพธ์เป็นสารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ


ระบบสารสนเทศที่ใช้ในองค์กรแบ่งเป็น 7 ประเภท คือ


(1) ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ (Transaction Processing System : TPS)


ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ มักเป็นการประมวลผลต่อวัน เช่น การรับ - จ่ายบิล ระบบนี้เป็นระบบสารสนเทศลำดับแรกที่ได้รับ การพัฒนาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ลักษณะเด่นของระบบ TPS คือการทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานง่าย ไม่ยุ่งยาก สิ่งที่องค์กรจะได้รับเมื่อใช้ระบบนี้ คือ


- ลดจำนวนพนักงาน

- องค์กรจะมีการบริการที่สะดวกรวดเร็ว

- ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น



(2) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Mangement Information System : MIS)


ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารที่ต้องการ การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้ประโยชนืมากกว่าการช่วยงานแบบต่อวัน MIS จึงมีความสามารถในการคำนวณเปรียบเทียบข้อมูล นอกจากนั้นระบบนี้ยังสามารถสร้างสารสนเทศที่ถูกต้องทันสมัย

คุณสมบัติของระบบ MIS คือ


- ระบบ MIS สนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลรายวัน

- ระบบ MIS จะใช้ฐานข้อมูลที่รวมเข้าด้วยกัน และสนับสนุนการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กร

- ระบบ MIS จะช่วยให้ผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูงเรียกใช้ข้อมูลที่เป็นโครงสร้างได้ตามเวลา

- ระบบ MIS จะมีความยืดหยุ่นและสามารถรับรองความต้องการข้อมูลที่เปลียนแปลง

- ระบบ MIS ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูล


(3) ระบบช่วยตัดสินใจ (Decision Support System : DSS)

ระบบช่วยตัดสินใจ หมายถึง ระบบที่ทำหน้าที่จัดเตรียมสารสนเทศ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ หากเป็นการใช้โดยผู้บริหารระดับสูง เรียกว่า "ระบบสนับสนุนการตัดสินในเพื่อผู้บริหารระดับสูง"(Executive Support System : ESS) บางครั้งสารสนเทศที่ TPS และ MIS ไม่สามารถช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้จำเป็นต้องพัฒนาระบบช่วยตัดสินใจ DSS ขึ้น เพื่อช่วยในการตัดสินใจภายใต้ผลสรุป


คุณสมบัติระบบ DSS คือ

- ระบบ DSS จะต้องช่วยผู้บริหารในกระบวนการตัดสินใจ

- ระบบ DSS จะต้องถูกออกแบบมาให้สามารถเรียกใช้ทั้งข้อมูลแบบกึ่งโครงสร้าง

- ระบบ DSS จะต้องสามารถสนับสนุนผู้ตัดสินใจได้ในทุกระดับแต่จะเน้นที่ระดับการวางแผนบริหาร

- ระบบ DSS มีรูปแบบการใช้งานอเนกประสงค์ มีความสามารถในการจำลองสถานการณ์

- ระบบ DSS ต้องเป็นระบบที่โต้ตอบกับผู้ใช้ได้ สามารถใช้งานได้ง่าย

- ระบบ DSS ต้องสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการข่าวสารในสภาพการณ์ต่าง ๆ

- ระบบ DSS ต้องมีกลไกช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็ว

- ระบบ DSS ต้องสามารถติดต่อกับฐานข้อมูลขององค์กรได้

- ระบบ DSS ต้องทำงานโดยไม่ขึ้นกับระบบการทำงานตามตารางเวลา

- ระบบ DSS มีความยืดหยุ่นพอที่จะรองรับรูปแบบการบริหารแบบต่าง ๆ

(4) ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information System : EIS)

ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง คือ EIS ประเภทพิเศษที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงได้คุ้นเคยกับเครื่องคอมพิวเตอร์

คุณสมบัติของระบบ EIS

- มีการใช้งานบ่อย

- ไม่ต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง

- ความยืดหยุ่นสูงสามารถเข้ากันได้

- การใช้งานใช้ในการตรวจสอบ

- การสนับสนุนการตัดสินใจ

- ผลลัพธ์ที่แสดงจะเป็นตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง

- การใช้งาน ภาพกราฟิกสูง

- ความในการตอบสนองรวดเร็ว


ข้อด้อยของระบบ EIS


- มีข้อจำกัดในการใช้งานบอย

- อาจจะทำให้ผู้บริหารจำนวนมากรู้สึกว่าได้รับข้อมูลมากเกินไป

- ยากต่อการประเมินผล

- ไม่สามารถทำการคำนวณที่ซับซ้อนได้

- ระบบอาจจะใหญ่เกินกว่าที่จะจัดการได้

- ยากต่อการรักษาข้อมูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

- ก่อให้เกิดปัญหาการรักษาความลับของข้อมูล


(5) ระบบสำนักงานอัติโนมัติ (Office Automation System : OAS)

ระบบสำนักงานอัตโนมัติ หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ใช้บุคลากรน้อยที่สุด OAS มีจุดมุ่งหมายให้ป็นระบบที่ไม่ใช้กระดาษข่าวสาร ซึ่งมีรูปแบบในการใช้งาน 2 ลักษณะ คือ

1. รูปแบบของระบบงานพิมพ์และการประมวลผลทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การสือสารด้วยข้อความ E- Mail . FAX

2. รูปแบบการประชุมทางไกลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การประชุมทางไกลแบบมีเสียง (Audio Conferencing) การประชุมแบบทางไกลแบบมีภาพและเสียง (Video - ferencing)


สำนักงานที่จัดว่าเป็นสำนักงานอัตโนมัติ ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ คือ

1. Networking System คือ ระบบข่ายงานที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ระหว่างกันทั่วองค์กร

2. Electronic Data Interchange คือ การสื่อสารข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน

3. Internet Working (Internet) คือ การรวมตัวของระบบข่ายงาน ที่กระจายอยู่ทั่วโลก

4. Paperless System คือ ระบบที่ไม่ได้ใช้กระดาษ อาทิ Pos Of Sale (POS) เป็นการขายแบบมีการบันทึกรายการขาย Electronic Funds Transfer (EFT) เป็นระบบโอนเงินอัตโนมัติของธนาคารโลก


(6) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Artificial Intelligence / Expert System : AI/ES)

ระบบผู้เชี่ยวชาญ หมายถึง ระบบที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่งคล้ายกับมนุษย์ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถตัดสินใจได้เอง

(7) ระบบ Call Center

- สามารถตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพ

- สนับสนุนให้บริการช่วยเหลือทางด้านเทคนิคการให้บริการข้อมูลข่าวสารที่ต้องการประชาสัมพันธ์

- ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารที่ซับซ้อน และที่สำคัญที่สุด คือ ได้รับบริการที่ตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจสูงสุด


ระบบสารสนเทศในองค์กรต่าง ๆ จะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากระดับปฎิบัติการ และทำการประมวลผล ระบบสารสนเทศในองค์กรสามารถแทนได้ด้วยภาพพีรามิด ตามรูป







แสดงโครงสร้างการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารในระดับต่างๆในองค์กร



จากภาพจะเห็นได้ว่าโครงสร้างระบบสารสนเทศแบบปิรามิดนั้น มีฐานที่กว้างและบีบแคบขึ้นไปถึงยอดบนสุด หมายความว่า สารสนเทศที่ใช้งานจะมีมากในระดับล่างและลดหลั่นไปตามลำดับจนถึงยอดบนสุด บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศได้แก่

- ระดับปฏิบัติการ บุคลากรในระดับนี้จะเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องกระทำซ้ำๆกัน และเน้นไปที่การจัดการ รายงานประจำวัน เช่น เจ้าหน้าที่ป้อนข้อมูลการสั่งซื้อ แคชเชียร์ พนักงานรับจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น

- ระดับวางแผนปฏิบัติการ บุคลากรในระดับนี้ จะเป็นผู้บริหารขั้นต้นซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานประจำวัน หรือการบริหารงานในระยะสั้นๆเช่น รายงานสรุปผลการขายในแต่ละไตรมาสของพนักงานขายแต่ละคน เป็นต้น

- ระดับการวางแผนการบริหาร บุคลากรในระดับนี้จะเป็นผู้บริหารในระดับกลาง มีหน้าที่ในการวางแผนให้บรรลุเป้าหมายต่างๆของบริษัท เช่น รายงานผลการขายประจำปีของบริษัทเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

- ระดับการวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว ผู้บริหารระดับนี้จะเป็นผู้บริหารระดับสูงสุด ซึ่งเน้นในการวางนโยบาย สารสนเทศที่ต้องการ จะอยู่ในรูปรายงานสรุป การวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ



♀♀♀♀♀♀♀♀♀♀♀♀♀♀♀

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เกาะช้างสถานที่น่าเที่ยวในเทศกาลปีใหม่ •◘•




หมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด











หมู่เกาะช้างเป็นอุทยานแห่งชาติที่ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยมากกว่า 52 เกาะ ทั้งยังมีเกาะที่เป็นโขดหินกลางทะเลอีกจำนวนมาก โดยมีเกาะช้างเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ในท้องที่กิ่งอำเภอเกาะช้างและกิ่งอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด เกาะหลายแห่งมีทิวทัศน์สวยงาม หาดทรายขาว และน้ำทะเลใสสะอาด เช่น เกาะง่าม บางแห่งมีปะการังใต้น้ำที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ เช่น เกาะหวาย และหมู่เกาะรัง


ในปี พ.ศ. 2510 จังหวัดตราดได้ให้ นายสมศักดิ์ เผื่อนด้วง ไปทำการสำรวจบริเวณน้ำตกธารมะยม และได้ส่งรายงานการสำรวจเบื้องต้นของน้ำตกธารมะยม ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะช้าง อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ให้กรมป่าไม้พิจารณาจัดตั้งเป็นวนอุทยาน ซึ่งในปี 2516 กรมป่าไม้ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้ง " วนอุทยานน้ำตกธารมะยม " และกรมป่าไม้ได้มีหนังสือให้จังหวัดตราดรับงานจัดตั้งวนอุทยานน้ำตกธารมะยมไปดำเนินการในปี 2517 ซึ่งในปี 2518 จังหวัดตราดได้ให้ นายทนง โหตรภวานนท์ พนักงานป่าไม้ตรี ไปดำเนินการจัดตั้งวนอุทยานน้ำตกธารมะยม


ต่อมาคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2524 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2524 ให้ดำเนินการจัดบริเวณเกาะช้างและเกาะกูด จังหวัดตราด เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลอีกแห่งหนึ่ง กรมป่าไม้จึงมีคำสั่งให้นายเรืองศิลป์ ประกรศรี นักวิชาการป่าไม้ 4 ไปทำการสำรวจหาข้อมูลรายละเอียด ทั้งดำเนินการปรับปรุงวนอุทยานน้ำตกธารมะยม เพื่อยกฐานะเป็นอุทยานแห่งชาติต่อไป จากรายงานข้อมูลการสำรวจตามหนังสือวนอุทยานน้ำตกธารมะยมพบว่า เกาะช้างและเกาะบริวารสภาพทั่วไปมีทิวทัศน์สวยงาม มีน้ำตก และสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่ ตลอดจนในอดีตน่านน้ำบริเวณทิศตะวันออกของเกาะช้างได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นในสมัยอินโดจีน กล่าวคือ เรือรบหลวงสงขลา เรือรบหลวงชลบุรี และเรือรบหลวงธนบุรีได้ทำการยุทธนาวีกับเรือรบฝรั่งเศสจำนวน 7 ลำ อย่างห้าวหาญ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2484 วีรกรรมครั้งนี้ได้รับการจารึก ไว้ในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือ


เพื่ออนุรักษ์น่านน้ำประวัติศาสตร์และสภาพธรรมชาติของหมู่เกาะในทะเล กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีมติในการประชุม ครั้งที่ 1/2525 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2525 เห็นควรจัดตั้งหมู่เกาะช้างเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินเกาะช้างและเกาะใกล้เคียงในท้องที่ตำบลเกาะช้าง และตำบลเกาะหมาก อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ครอบคลุมพื้นที่ 406,250 ไร่ หรือ 650 ตารางกิโลเมตร โดยเป็นพื้นน้ำประมาณ 458 ตารางกิโลเมตร หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ เป็นอุทยายแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เเล่ม 99 ตอนที่ 197 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2525 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 45 ของประเทศไทย















ที่อยู่ : กิ่งอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด

การเดินทาง : ที่อำเภอแหลมงอบ มีท่าเรือที่สามารถโดยสารไปยังเกาะช้าง ทั้งหมด 3 ท่า ได้แก่- ท่าเทียบเรือแหลมงอบ เรือโดยสารที่ใช้เป็นเรือประมงดัดแปลง ไปขึ้นที่ เกาะช้าง ที่บริเวณบ้านด่านเก่า ค่าเรือโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที มีเรือออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. เรือกลับจากเกาะช้างมีหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น.


นอกจากนั้นที่บริเวณท่าเรือยังมีตัวแทนรับจองห้องพักของรีสอร์ทต่างๆ ตั้งอยู่ และนักท่องเที่ยวสามารถหาเรือเช่า (เรือประมงดัดแปลงขนาดเล็กจุได้ประมาณ 10 คน) สามารถไปเกาะช้าง และเกาะอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ในอัตราวันละประมาณ 3,500-5,000 บาท หรือสามารถติดต่อ คุณแสงจันทร์ สิงหพันธุ์ ห้องอาหารแสงจันทร์ โทร. +66 (0) 3959 7197, +66 (0) 3959 7299


- ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์เฟอร์รี่ มีเรือเฟอร์รี่ออกทุกวัน จากท่าเรือแหลมงอบไปขึ้นที่ท่าเรือด่านเก่า ที่เกาะช้าง จากท่าเรือแหลมงอบอยู่ห่างลงมาทางใต้ประมาณ 500 เมตร อัตราค่าโดยสารไปกลับราคาคนละ 100 บาท รถยนต์ 4 ล้อ ไปกลับ ฟรี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที มีเรือออก เที่ยวไป ตั้งแต่เวลา 06.00–18.00 น. เที่ยวกลับ เวลา 06.00–19.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +66 (0) 3953 8196


- ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ ไปขึ้นที่เกาะช้างที่ท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่บริเวณอ่าวสับปะรด มีบริการเรือเฟอร์รี่ ข้ามไปเกาะช้าง ค่าบริการสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ พร้อมคนขับข้ามแบบไปเกาะช้างต้องเสียค่าใช้จ่ายคันละ 150 บาท และสำหรับนักท่องเที่ยวราคาคนละ 60 บาท ใช้เวลาในการเดินทาง 45 นาที มีเรือออกทุกๆ 30 นาที เที่ยวไป ตั้งแต่เวลา 07.00–19.00 น. เที่ยวกลับ 07.00–18.00 น. เฟอร์รี่เกาะช้างสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. +66 (0) 3959 7143, +66 (0) 3959 7434, +66 (0) 3952 1661 (เบอร์โทรที่ฝั่งอ่าวสับปะรด) เกาะช้างเฟอร์รี โทร. +66 (0) 3952 8288 - 9


อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับบุคคลผ่านเข้าไปในเขตอุทยานฯ โดยจะตั้งบู๊ทบริเวณท่าเรือเฟอร์รี่ทั้ง 3 แห่งบนฝั่งอำเภอแหลมงอบ โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยคนละ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักท่องเที่ยวต่างประเทศคนละ 200 บาท เด็ก 100 บาท

เวลาให้บริการ : ทุกวัน

ค่าบริการ : สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง100 หมู่ 1 ถนนตราด-แหลมงอบ ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด 23120

เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 3955 5080

โทรสาร: +66 (0) 3955 5080


อีเมล์ : reserve@dnp.go.th


เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ รองจากเกาะภูเก็ต ที่เกาะช้าง นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งน้ำตก และหาดทรายขาวแล้ว ยังมีวิถีชิวิต ชาวบ้าน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่น่าท่องเที่ยว เป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพจนเกินไป และที่เกาะช้าง สภาพอากาศที่สามารถเดินทางไปเที่ยวเกือบตลอดทั้งปี หมู่เกาะช้าง จึงเป็นอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศนิยมมาอย่างไม่ขาดสาย หาดที่ได้รับความนิยมของเกาะคือ หาดทรายขาว, หาดคลองพร้าว, หาดไก่แบ้, หาดบางเบ้า, โลนลี่ บีช, อ่าวใบลาน, อ่าวคลองสน, หาดไข่มุก, สลักเพชร, บ้านเจ๊กแบ้ และ ด่านเก่า เป็นต้น







การเดินทางกรุงเทพ-เกาะช้าง

เกาะช้าง โรงแรมรีสอร์ท ที่พักที่ เกาะช้าง เว็บไซท์บริการจองรีสอร์ท บังกะโล แบบออนไลน์ ราคาพิเศษ


ทางรถยนต์






จากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทางได้ 3 สาย คือ

◙ บางนา-ตราด (เส้นทางหลวงหมายเลข 3) ผ่านชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด ระยะทางประมาณ 390 กิโลเมตร
◙ บางนา-ชลบุรี-แกลง-จันทบุรี-ตราด เส้นทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านชลบุรี พัทยา ระยอง ถึงอำเภอแกลงและต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจันทบุรี เข้าตัวเมืองจังหวัดตราด รวมระยะทางประมาณ 390 กิโลเมตรหรืออาจใช้เส้นทางหมายเลข 36 จากพัทยาผ่านระยอง อำเภอแกลง รวมระยะทาง 355 กิโลเมตร
◙ ทางหลวงพิเศษ (motor way) (ทางหลวงหมายเลข 7 ทางหลวงพิเศษกรุงเทพฯ-ชลบุรี) ที่เชื่อมต่อมาจากถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์ ที่ขับตรงมาจนพบกับทางหลวงหมายเลข 344 (บ้านบึง-แกลง) ถึงอำเภอแกลง และต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ข้ามสะพานเวฬุ ผ่านอำเภอเขาสมิง ตรงเข้าตัวเมืองจังหวัดตราด รวมระยะทางประมาณ 315 กิโลเมตร ถ้าไม่ต้องการเข้าสู่ตัวจังหวัดตราด ท่านสามารถที่จะตรงไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ได้ โดยเลี้ยวขวามาทางแหลมงอบได้เลย




รถโดยสารประจำทาง










มีทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศออกจาก สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ถนนสุขุมวิท รถโดยสารปรับอากาศ มีรถปรับอากาศ ชั้น 1 (ปอ.1) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง จาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร มีรถบริการไปจังหวัดตราดทุกวันเช่นกัน เป็นรถปรับอากาศชั้น 1




เครื่องบิน






บริษัท บางกอกแอร์เวย์ จำกัด มีเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-ตราด-กรุงเทพฯ (อยู่ในเขตอำเภอเขาสมิง) ทุกวัน






รถตู้ปรับอากาศ





♠ตราด (แหลมงอบ)-บ้านเพ-พัทยา มีรถตู้ปรับอากาศบริการจากอำเภอแหลมงอบ ตรงข้ามสำนักงาน ททท.ภาคกลาง เขต 5 (ตราด) ทุกวัน รถออกเวลาประมาณ 13.00 น.

♠พัทยา-บ้านเพ-แหลมงอบ (ตราด) เวลาออกจากพัทยา 08.00 น.(พัทยา)

♠กรุงเทพ-แหลมงอบ (ตราด) รถออกจากถนนข้าวสาร 08.00 น. แหลมงอบ-ถนนข้าวสาร รถออกจากแหลมงอบ เวลา 11.00 น.

♠จันทบุรี-ตราด ออกจากบริเวณวงเวียนน้ำพุจันทบุรี และออกจากตราดบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองตราด ตั้งแต่แวลา 06.00-17.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง อัตราค่าโดยสารคนละ 60 บาท (5-6 คน ต่อ คัน)




การเดินทางภายในจังหวัด




♣ตราด-คลองใหญ่ (รถสองแถว) ระยะทาง 75 กิโลเมตร รถออกจากหลังตลาดเทศบาล ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ค่าโดยสาร 80 บาท (จากคลองใหญ่ต่อรถไปบ้านหาดเล็ก 30 บาท)

♣ตราด-บ้านหาดเล็ก (รถตู้) ระยะทาง 90 กิโลเมตร รถออกจากหน้าโรงหนังสีตราดดราม่า ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ค่าโดยสาร 110 บาท

♣ตราด-แหลมงอบ (รถสองแถว) ระยะทาง 30 กิโลเมตร รถออกจากตลาดสดเทศบาลเมืองตราด ตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.00 น. ค่าโดยสาร 30 บาท

♣ตราด-แหลมศอก (รถสองแถว) ระยะทาง 28 กิโลเมตร รถออกจากตลาดสดเทศบาลเมืองตราด ตั้งแต่เวลา 08.00 - 13.00 น. ค่าโดยสาร 35 บาท

ตราด-เขาสมิง-บ่อไร่ ระยะทาง 53 กิโลเมตร รถออกบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองตราด ตั้งแต่เวลา 08.00 - 12.00 น. ค่าโดยสาร 50 บาท

♣ตราด-เขาสมิง-แสนตุ้ง-ท่าจอด ระยะทาง 28 กิโลเมตร รถออกตั้งแต่เวลา 06.00 - 17.30 น. ค่าโดยสาร 25 บาท โดยทั่วไปการเดินทางจากตัวเมืองตราดไปอำเภอต่าง ๆ มีรถออกจากตัวเมือง โดยจะมีรถสองแถวจอดที่บริเวณหลังตลาดเทศบาล และข้างธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกวัน และหลังจากเวลาประมาณ 19.00 น. นักท่องเที่ยวจะต้องเช่าเหมา ราคาแล้วแต่จะตกลงกันตามความ
เหมาะสม




การเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียง

♦ตราด-จันทบุรี จากหน้าตลาดในตัวเมืองมีรถโดยสารประจำทางวิ่งบริการไปจังหวัดจันทบุรีทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-15.30 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 1.5 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 40 บาทนอกจากนั้นยังมีรถแท็กซี่วิ่งไป-กลับจันทบุรี-ตราดทุกวัน โดยมีรถออกจากจันทบุรีบริเวณวงเวียนน้ำพุ และออกจากตราดข้างโรงแรมเมืองตราด ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. ใช้เวลาในเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ค่าโดยสารคนละ 60 บาท (5-6 คน/1 คัน)

♦บ่อไร่-จันทบุรี เวลา 08.00-17.00 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าโดยสาร 50 บาท

♦บ่อไร่-แม่สอด จังหวัดตาก มีรถสองเที่ยว เวลา 07.30 และ 08.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 15 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 200 บาท




ระยะทางจากจังหวัดตราดไปยังจังหวัดใกล้เคียง


♥จันทบุรี 70 กิโลเมตร

♥ระยอง 179 กิโลเมตร


♥ชลบุรี 234 กิโลเมตร



การเดินทางจากจังหวัดตราดไปเกาะช้างด้วยเรือเฟอร์รี













☺ท่าเรือ center point (039-538196) อยู่ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 23 กิโลเมตร ก่อนถึงอ่าวธรรมชาติ ตามเส้นทางแหลมงอบ-บ้านแสนตุ้ง ไป-กลับ 06.00 - 18.00 น. ทุกชั่วโมง


☺อัตราค่าโดยสาร รถยนต์ 4 ล้อ ไป-กลับฟรี คนขับรถและผู้โดยสารไป-กลับคนละ 1xx บาท


☺รถยนต์ 6 ล้อ ไป-กลับ 100 บาท คนขับรถและผู้โดยสารฟรี 2 ท่าน


☺รถยนต์ 10 ล้อ ไป-กลับ 500 บาท คนขับรถและผู้โดยสารฟรี 2 ท่าน


☺ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ขึ้นเกาะที่ท่าเรือด่านเก่า


ท่าเรืออนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง (เรือไม้)


☻อยู่ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 17 กิโลเมตร มีสองแถวบริการจาหน้าตลาดสดเทศบาล


☻ไป 07.00 - 17.00 น. ทุกชั่วโมง


☻กลับ 07.00 - 17.00 น. ทุกชั่วโมง


☻ค่าโดยสาร ไป-กลับคนละ 1xx บาท


☻ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นเกาะที่ท่า
เรือด่านเก่า


กิจกรรมของเกาะช้าง

เกาะช้าง โรงแรมรีสอร์ท ที่พักที่ เกาะช้าง เว็บไซท์บริการจองรีสอร์ท บังกะโล แบบออนไลน์ ราคาพิเศษ

กิจกรรมพักผ่อน และสันธนาการ ที่เกาะช้าง




ดำน้ำ ที่เกาะช้าง







เนื่องจากเกาะช้างและหมู่เกาะใกล้เคียงมีแนวปะการังน้ำตื้นจำนวนมากซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติใต้น้ำที่สวยงาม การดำน้ำดูปะการังตามหมู่เกาะต่างๆ สามารถดำได้ทั้งแบบดำผิวน้ำ (snorkel) และดำน้ำลึก (scuba) โดยปะการังจะพบในระดับน้ำที่ลึกตั้งแต่ ระดับผิวน้ำจนถึง 25 เมตรโดยแหล่งดำน้ำทางทิศใต้ของเกาะช้างจะมีความสวยงามมาก โดยมีช่วงเวลาที่แนะนำให้ดำน้ำตั้งแต่ช่วงตุลาคม จนถึงปลายพฤษภาคม หลังจากนั้นจะเข้าหน้ามรสุมทำให้มองเห็นปะการังไม่ชัดเจนปะการังและสัตว์น้ำที่พบจะมีทั้งปะการังแข็ง และอ่อนเป็นกลุ่มปะการัง ปะการังเขากวาง ปะการังทรงกระบอกและมีพันธุ์ปลาทะเลสวยงามมากมายทั้งยังสามารถเห็นเต่าทะเลจนถึงปลาฉลามวาฬ(ไม่เป็นอันตราย) ได้ในบางช่วงเวลารูปแบบที่นักท่องเที่ยวนิยมคือการนั่งเรือเที่ยวเกาะเพื่อแวะดำน้ำชมปะการังแบบดำผิวน้ำที่เกาะหวาย หมู่เกาะรังและเกาะอื่นๆซึ่งสามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับได้มีอาหารกลางวันและอาหารว่างบนเรือรวมถึงอุปกรณ์สำหรับดำผิวน้ำ ค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 350 - 500 บาทต่อคน สถานที่ให้บริการสำคัญคือ บ้านบางเบ้า นอกจากนี้บนเกาะช้างยังมีบริการสอนดำน้ำลึกตามมาตรฐานสากลรับรองโดยPADIซึ่งผู้ที่จะดำน้ำลึกแบบscubaจะต้องผ่านการอบรมดำน้ำก่อนจึงจะสามารถดำน้ำแบบนี้ได้ ค่าใช้จ่ายหลักสูตรเบื้องต้นสองวันที่ประมาณ 3,000 บาท จนถึงหลักสูตรเต็มประมาณ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการพาไปดำน้ำลึกครั้งละประมาณ 2,000 - 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับแหล่งที่จะไปดำน้ำ ใกล้ชายหาดของเกาะช้างเองก็เหมาะกับการดำน้ำตื้นหรือจะพายเรือออกไปไม่ไกลนักซึ่งสามารถดำน้ำแบบน้ำตื้นได้เช่นกัน








กีฬาทางน้ำ ที่เกาะช้าง






กิจกรรมกีฬาทางน้ำ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ที่มาเที่ยวเกาะช้าง โดยกิจกรรมที่นิยมได้แก่การพายเรือคยัก เรือใบเล็ก สกีน้ำ เจ็ตสกี โต้คลื่น ฯลฯ โดยกิจกรรมทางน้ำจะสามารถเล่นได้ตามชายหาดทั่วไป แต่ที่มีมากที่สุดคือบริเวณหาดทรายขาวซึ่งมีกิจกรรมให้เลือกเล่นหลากหลาย บริเวณโรงแรมไอยรารีสอร์ท ซึ่งมีลักษณะเป็นคลองที่สามารถออกไปยังชายหาดได้ ซึ่งที่รีสอร์ทนี้ได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับกีฬาทางน้ำไว้หลากหลายเช่นกันรวมทั้งมีบริการพาพายเรือชมหิ่งห้อยบริเวณคลองช่วงกลางคืนด้วย การพายเรือคยัก จะมีให้บริการอยู่หลายแห่ง ค่าบริการประมาณชั่วโมงละ 100 บาท จุดที่แนะนำให้พายเรือเล่นคือบริเวณคลองของไอรยารีสอร์ท และบริเวณหาดของโรงแรมซีวิวรีสอร์ท ซึ่งสามารถที่จะพายเรือเล่นไปยังเกาะมันนอกได้ เพราะบริเวณระหว่างหาดกับเกาะนั้นน้ำไม่ลึกมากนัก และระยะทางไม่ไกลมาก สามารถพายเรือไปมาระหว่างเกาะได้อย่างปลอดภัย




นำเที่ยวทางเรือ ที่เกาะช้าง




การนำเที่ยวทางเรือนั้นมีบริการทั่วไปบนเกาะช้าง มีตั้งแต่ระยะทางสั้นๆเช่น นั่งเรือชมเกาะเล็กๆ รอบเกาะช้าง ดูจุดเรือจม ระยะกลางเช่นการนั่งเรือประเภทไปเช้าเย็นกลับซึ่งมีการแวะให้นักท่องเที่ยวดำดูประการังผิวน้ำด้วย และระยะไกลคือการเดินทางสู่เกาะอื่นๆ เช่น เกาะหวาย เกาะกูด เกาะกระดาษ เกาะหมาก เกาะกระดาน เพื่อการท่องเที่ยวต่อบนเกาะนั้นๆ ซึ่งมีการบริการหลายประเภท เช่น เรือที่รับส่งในเส้นทางเป็นประจำ เรือจ้างเหมาลำ ซึ่งมีทั้งเรือสำราญ เรือเร็ว และเรือท่องเที่ยวทั่วไป



เดินป่า ที่เกาะช้าง








พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะช้างเป็นพื้นที่สูงชัน มีผืนป่าเขตร้อนที่สมบูรณ์ปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง มีพันธ์ไม้เขตร้อนหายากจำนวนมาก เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหลายชนิด เป็นแหล่งกำเนิดของลำธารหลายสาย มีการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 การเดินป่ามีอยู่หลายเส้นทาง เส้นทางเดินป่าที่ใช้เวลานาน เช่น ยอดเขาสลักเพชรซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่ทางอุทยานติดตามไปด้วย เส้นทางเดินป่าสั้นๆที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นเส้นทางตามน้ำตกที่สวยงามต่างๆ เช่น


- น้ำตกคลองพลู เป็นน้ำตกใหญ่ที่สุดบนเกาะช้าง มีน้ำไหลตลอดปีเหมาะอย่างยิ่งในการการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ ในเส้นทางคลองพร้าว มีถนนลาดยางเข้าตัวน้ำตกระยะทาง 2 กิโลเมตร และต้องจอดบริเวณที่ทำการอุทยานเพื่อเดินทางเข้าไปถึงตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร สองข้างทางเป็นป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ มีไม้หายากหลายชนิด ทั้งกล้วยไม้ และเฟรินป่า ชั้นบนสุดของน้ำตกมีสายน้ำไหลลงจากผาสูงประมาณ 30 เมตรลงสู่เบื้องล่างซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้


- น้ำตกธารมะยม อยู่ด้านตะวันตกของเกาะ ในเส้นทางด่านใหม่

- สลักเพชร และต้องจอดรถบริเวณที่ทำการอุทยานเพพื่อเดินทางเข้าไปอีกประมาณ 200 เมตร สองข้างทางผ่านสวนผลไม้ของชาวบ้าน เดินลัดเลาะธารน้ำสู่ตัวน้ำตกซึ่งมีความสวยงามมากโดยเฉพาะฤดูฝน


- น้ำตกคีรีเพชร จะอยู่ที่ยอดเขาคีรีเพชร ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ตามคลองสน หาดทรายขาว และที่ไก่แบ้ ซึ่งในหน้าแล้งน้ำตก


ปั่นจักรยาน ที่เกาะช้าง การปั่นจักรยานบนเกาะช้างเป็นกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีด้วยเส้นทางถนนบนเกาะช้างที่ตัดเลี้ยวลัดไปตามเนินเขา เช่น ช่วง ด่านใหม่ - คลองสน และช่วงไก่แบ้ - บางเบ้า ที่มีความลาดชันและความคดเคี้ยวของเส้นทางเป็นที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของเมืองไทย สองข้างทางของเส้นทางมีทัศนียภายสวยงาม ทั้งภูเขา และทะเล ซึ่งในอนาคตได้มีโครงการสร้างเส้นทางจักรยานจาก บ้านโรงถ่าน - บ้านบางเบ้า ระยะทาง 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางเลียบภูเขาสลับกับทะเลที่สวยงามมากอีกเส้นทางหนึ่ง และทำให้สามารถปั่นจักรยานท่องเที่ยวรอบเกาะช้างได้


ขี่ช้าง ที่เกาะช้าง บนเกาะช้างมีการนำชมธรรมชาติด้วยสัตว์สัญลักษณ์ของเกาะ เสน่ห์ของการขี่ช้างเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจดจำและได้สัมผัสกับทัศนีภาพโดยรอบในอีกมุมมองหนึ่ง สถานที่สำหรับขี่ช้างเที่ยวป่าอยู่ 2 แห่งคือที่ช้างชุติมา ซึ่งราคาประหยัดและเป็นที่นิยม จะนำขี่ช้างเที่ยวป่าใกล้ๆ บ้านคลองพร้าว อีกที่หนึ่งคือบ้านควานช้าง ที่บริเวณบ้านคลองสน จะนำเที่ยวช่วงตอนเหนือของเกาะบริเวณคลองสน เป็นระยะทางประมาณ 2 ก.ม.



นวดแผนไทย และสปา ที่เกาะช้าง




หลังจากการท่องเที่ยวสัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติทั้งใต้ผืนน้ำและผืนฟ้าเรียบร้อยแล้วก็ย่อมมีอาการเมื่อยล้า การนวดแผนไทยเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งของการบรรเทาและผ่อนคลายที่ได้รับการสืบทอดมาแต่โบราณ เป็นที่ยอมรับของกลุ่มคนผู้รักสุขภาพทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สถานที่ให้บริการนวดแผนไทยบนเกาะช้างสามารถใช้บริการได้ตามชายหาดทั่วไป หรือตามร้านนวดแผนไทย อัตราค่าบริการประมาณชั่วโมงละ 200 บาท นอกจากนี้สปาก็เป็นอีกบริการหนึ่ง ของการบรรเทาและผ่อนคลายจากอาการเมื่อยล้า ซึ่งบนเกาะช้างมีสปาเปิดให้บริการหลายแห่งเช่น ที่โรงแรมซีวิวรีอร์ท, บูติกรีสอร์ท แอนด์ สปา ฯลฯ



◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘◘

ประวัติวัน Chris Mas.









(Christmas หรือ X'Mas) คือเทศกาลเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม พระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน
"คริสมาส"เป็นคำทับศัพท์ภาษา อังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า" Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmasประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส : ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่ง ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวัน หรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่ง ส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย









คำอวยพรสำหรับเทศกาลคริสมาสใช้ คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรีย แห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย




นักบุญ(เซนต์)นิโคลัสแห่งเมืองไมรา นักบุญองค์นี้เป็นสังฆราช ของ ไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่4 ได้รับการยกย่องให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ซานตาครอสจริงๆแล้ว แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย
นักบุญนิโคลาส เป็นนักบุญ ที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่าเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะ มาเยี่ยม เด็กๆ และเอาของขวัญมาให้ เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ก็อยากมีส่วนร่วมในประเพณีแบบนี้บ้างเพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายไปในอเมริกา โดย มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลาสก็เปลี่ยน เป็นซานตาคลอส และแทนที่จะเป็น สังฆราชซึ่งเป็นนักบุญองค์นั้นก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนใส่ชุดสีแดงอาศัย อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อน เป็นยานพาหนะมีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมา ทางปล่องไฟของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้ เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติ ของเขา






ต้นคริสต์มาสหรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน การตกแต่งนี้ย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก









เมื่อพระสันตะปาปาจูลีอัสที่ 1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส)ในปี นั้นเองพระองค์และสัตบุรุษ ได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำบล เบธเลเฮม และไปยังถ้ำที่พระ เยซูเจ้าประสูติ พอไปถึงก็เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี พระสันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิซซา ณ ที่นั้น เมื่อเสร็จแล้วก็กลับมาที่พักเป็นเวลาเช้ามืดราวๆ ตี 3 พระองค์ก็ถวาย มิสซาอีกครั้ง และ สัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ แต่ก็ยังมีสัตบุรุษหลายคนที่ไม่ได้ไป พระสันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อสัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระ สันตะปาปาจึงทรงอนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติของพระองค์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมีธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวันคริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ใน โอกาสวันคริสต์มาส







ในสมัยก่อนมีกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในประเทศเยอรมัน ได้เอากิ่งไม้มาประกอบ เป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้น ในตอนกลางคืนของวันอาทิตย์แรกของ เทศกาลเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะมารวมกัน ดับไฟ แล้วจุดเทียนเล่มหนึ่ง สวด ภาวนาและร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกัน เขาจะทำดังนี้ทุก อาทิตย์จนครบ 4 อาทิตย์ก่อน คริสต์มาส ประเพณีนี้เป็นที่นิยม และแพร่หลายในที่หลายแห่ง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งต่อมา มีการเพิ่ม โดยเอาพวงมาลัยพร้อมกับเทียนที่จุดไว้ตรง กลาง 1 เล่มไป แขวนไว้ที่หน้าต่างเพื่อช่วย ให้คนที่ ผ่าน ไปมา ได้ระลึกถึงการเตรียมตัวรับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา และพวงมาลัยนั้นยังเป็น สัญลักษณ์ที่คน สมัยโบราณใช้หมายถึงชัยชนะ แต่ในที่นี้หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และ ทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างครบ บริบูรณ์ตามแผนการณ์ ของพระเป็นเจ้า





เพลงคริสต์มาส เริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 ซึ่งผู้แต่งมีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส
เนื้อร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า
เน้นถึงความหมายของการเสด็จมา ของพระเยซูเจ้า

แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งในท่วงทำนองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น
เริ่มจากประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน
เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่ ซึ่งชาวบ้านชอบ
คือมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดีในโอกาสคริสต์มาส

เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง
เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274)
และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ
เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน

เพลงคริสต์มาส ที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19
จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่
เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night
ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818
คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ
(Oberndorf) ประเทศออสเตรีย
ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับร้อง ไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้
จึงมีการแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ นำไปเพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber)
ใส่ทำนอง
ในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษวัดนี้ ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก
โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก